วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์[แก้]


ดงควอนโด, ภาพวาดทิวทัศน์ของพระราชวังชางด๊อกกุง
โซลเริ่มมีผู้ตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยอาณาจักรแพ็กเจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 527 ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเขตแดนของโซลในปัจจุบัน โดยยังมีหลักฐานคงอยู่เช่น พุงนับโทซ็อง หรือ มงช็อนโทซ็อง และต่อมากลายมาเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โชซ็อนในปี พ.ศ. 1937 และมีความพยายามที่จะทำให้เป็นเมืองที่ทันสมัยในปลายศตวรรษที่ 19 และโซลเป็นเมืองแรกในเอเชียตะวันออกที่มีไฟฟ้า รถราง น้ำประปา โทรศัพท์ และระบบโทรเลขในเวลาเดียวกัน[13] ระหว่างที่เป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โซลมีชื่อว่า คย็องซ็อง (경성, ความหมาย "เมืองหลวง"; ญี่ปุ่นญี่ปุ่น:  京城 Keijō ?) ภายหลังจากที่ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2488 เกาหลีได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "โซล" (ซึ่งมีความหมายว่า "เมืองหลวง" ในภาษาเกาหลี) ในปี พ.ศ. 2492 โซลได้แยกออกจากจังหวัดคย็องกี และมีฐานะเป็น "นครพิเศษโซล" ต่อมาในปี พ.ศ. 2493 ระหว่างสงครามเกาหลี โซลถูกยึดครองโดยทหารเกาหลีเหนือ และเมืองก็ได้ถูกทำลายเสียหายเกือบทั้งหมด และเมืองก็สามารถยึดกลับคืนมาได้โดยกำลังของสหประชาชาติในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2494 ตั้งแต่ตอนนั้น ขอบเขตของเมืองก็ขยายไปยังพื้นที่เขตการปกครองรอบข้างของกิมโป, โกยัง, ควันจู, ซิฮึง, และเมืองชนบทยังจู และขอบเขตเมืองในปัจจุบันได้กำหนดขึ้นในปี พ.ศ. 2538

ภูมิศาสตร์[แก้]

โซลอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเกาหลีใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 605.25 กม.²[2] มีรัศมีประมาณ 15 กิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างคราว ๆ เป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ โดยใช้แม่น้ำฮันเป็นตัวแบ่ง แม่น้ำฮันและบริเวณรอบ ๆ มีส่วนสำคัญต่อประวัติศาสตร์เกาหลี ในยุคราชอาณาจักรทั้งสามของเกาหลีก็มีการต่อสู้กันและมีความพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมพื้นที่นี้ ที่ซึ่งแม่น้ำสามารถใช้เป็นเส้นทางในการค้าขายกับจีน (ผ่านทะเลเหลือง) แม่น้ำฮันไม่สามารถที่จะใช้เดินเรือได้อีกต่อไป เพราะว่าชะวากทะเลตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างสองเกาหลี พร้อมด้วยการระงับพลเรือนไม่ให้เข้าไปในเขตนั้น โซลถูกกั้นขอบเขตด้วยภูเขา 8 ลูก ตลอดจนบริเวณพื้นที่สูงกว่าบริเวณที่ราบแม่น้ำฮันและพื้นที่ตะวันตก

สภาพอากาศ[แก้]

โซลมีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป (การแบ่งเขตอากาศของคอปเปน Dwa) ฤดูร้อนโดยปกติจะมีอากาศร้อนและชื้น ฤดูมรสุมเอเชียตะวันออกจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม โดยในเดือนสิงหาคมจะมีอากาศร้อนมากที่สุด ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 22.4 ถึง 29.6 °C (72 ถึง 85 °F) หรืออาจจะสูงมากขึ้นกว่านี้อีก ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวโดยเฉลี่ยอุณหภูมิในเดือนมกราคมจะอยู่ที่ -5.9 ถึง 1.5 °C (21.4 ถึง 34.7 °F) และอากาศจะแห้งกว่าในฤดูร้อน โซลมีหิมะตกเฉลี่ยปีละ 28 วัน
[ซ่อน]ข้อมูลภูมิอากาศของโซล (2524−2553)
เดือนม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F)1.5
(34.7)
4.7
(40.5)
10.4
(50.7)
17.8
(64)
23.0
(73.4)
27.1
(80.8)
28.6
(83.5)
29.6
(85.3)
25.8
(78.4)
19.8
(67.6)
11.6
(52.9)
4.3
(39.7)
17.0
(62.6)
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F)−2.4
(27.7)
0.4
(32.7)
5.7
(42.3)
12.5
(54.5)
17.8
(64)
22.2
(72)
24.9
(76.8)
25.7
(78.3)
21.2
(70.2)
14.8
(58.6)
7.2
(45)
0.4
(32.7)
12.5
(54.5)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F)−5.9
(21.4)
−3.4
(25.9)
1.6
(34.9)
7.8
(46)
13.2
(55.8)
18.2
(64.8)
21.9
(71.4)
22.4
(72.3)
17.2
(63)
10.3
(50.5)
3.2
(37.8)
−3.2
(26.2)
8.6
(47.5)
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว)20.8
(0.819)
25.0
(0.984)
47.2
(1.858)
64.5
(2.539)
105.9
(4.169)
133.2
(5.244)
394.7
(15.539)
364.2
(14.339)
169.3
(6.665)
51.8
(2.039)
52.5
(2.067)
21.5
(0.846)
1,450.5
(57.106)
ความชื้นร้อยละ59.857.957.856.262.768.178.375.669.264.062.060.664.4
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm)6.55.87.47.89.09.916.314.69.16.38.77.4108.8
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด160.3163.3189.0205.0213.0182.0120.0152.5176.2198.8153.2152.62,066.0
แหล่งที่มา: สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลี [14]

เขตการปกครอง[แก้]

โซลแบ่งออกเป็น คู (구; 區) (เขต)[15] แต่ละคูก็มีขนาดพื้นที่แตกต่างกันออกไป (ตั้งแต่ 10 จนถึง 47 กม.²) และมีประชากร (ตั้งแต่น้อยกว่า 140, 000 จนถึง 630, 000 คน) ซงพาเป็นเขตที่มีประชากรเยอะที่สุด ขณะที่ซอโช เป็นเขตที่มีพื้นที่มากที่สุด รัฐบาลของแต่ละคูดูแลหลากหลายหน้าที่ และรัฐบาลนครพิเศษจะดูแลในเขตอำนาจอื่น ๆ ในแต่ละคูก็จะแบ่งการปกครองออกเป็นทง (dong; 동; 洞) หรือแขวง บางคูอาจมีเพียงไม่กี่ทง ในขณะที่คูอื่น ๆ เช่น ชงโน จะมีจำนวนแขวงอย่างมากมาย คูทั้งหมดในโซลประกอบไปด้วย 522 ทง (행정동)[15] ทง (dong) นั้นยังสามารถแบ่งการปกครองย่อยลงไปอีกเป็น ทง (tong; 통; 統) ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 13,787 แห่ง และทง (tong) ก็สามารถแบ่งย่อยออกไปเป็น พัน มีจำนวนทั้งหมด 102, 796 พัน

เขตในโซล

เศรษฐกิจ[แก้]

ในฐานะที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของซัมซุงแอลจีฮุนไดเกีย มอเตอร์ และเอสเค กรุ๊ป ทำให้โซลกลายเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจหลัก ถึงแม้ว่าโซลจะมีพื้นที่เพียง 0.6 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ แต่ว่าโซลนั้นมีจีดีพีถึง 21 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีทั้งประเทศ[16]

ชอปปิ้ง[แก้]

ตลาดทงแดมุน เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีตั้งอยู่ที่กรุงโซล มยองดง (หรือที่คนไทยเรียกว่าเมียงดง) เป็นแหล่งชอปปิ้งและแหล่งเพื่อความบันเทิงบริเวณใจกลางกรุงโซลโดยมีร้านค้าตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระดับสูงมีร้านแฟชั่นบูติก และมีร้านขายสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก ตลาดนัมแดมุน ซึ่งมีชื่อมาจากประตูนัมแดมุนซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเปิดอยู่ในโซล ซินชอนพื้นที่ชอปปิ้ง โดยเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นและนักศึกษามหาวิทยาลัย
อินซาดง เป็นตลาดทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม มีทั้งงานศิลปะแบบดั้งเดิมและงานสมัยใหม่ของเกาหลี เช่น งานภาพวาด, งานแกะสลักและงานศิลปะในการคัดลายมือวางขายอยู่ ตลาดฮวางฮักดงและตลาดจังอันพย็อง นั้นขะมีโบราณวัตถุขายอยู่ ร้านสำหรับนักออกแบบท้องถิ่นบางร้านก็จะเปิดในซัมชอง-ดง ซึ่งเป็นสถานที่ที่หอศิลป์ ขนาดเล็กตั้งอยู่มากมาย อิแทวอน เป็นย่านหลักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและทหารอเมริกันที่อยู่ในโซล เขตคังนัมเป็นเขตที่ร่ำรวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในโซลและมีชื่อเสียงเรื่องความทันสมัยและอับกูจงดงชองดัมดงและโคเอ็กซ์มอลล์ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่มีรายได้สูง ส่วนตลาดขายส่งก็ประกอบไปด้วย ตลาดขายส่งปลาโนรยังจินและตลาดการัค ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ยงซันเป็นตลาดเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กาซัน ดิจิทัล คอมเพลกซ์ก็เป็นตลาดที่มีผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภทจำหน่าย

การคมนาคม[แก้]

โซลเป็นเมืองหนึ่งในโลกที่มีโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนในขั้นสูงและมีการขยายระบบอยู่ตลอดเวลา ระบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเกาหลี เมื่อมีถนนสำหรับรถวิ่งสายแรกและทางรถไฟเชื่อต่อระหว่างโซลกับอินช็อน ถนนสายที่สำคัญที่สุดของโซลคือถนนสายชงโนจนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยระดับรถไฟใต้ดินสายหนึ่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 ถนนสายอื่นที่มีชื่อเสียงที่อยู่ในใจกลางเมืองโซลประกอบไปด้วยถนนอึลจิโรเทเฮรันโนเซชงโนชุงมุโรอูลกงโนและโทกเยโร โซลมีรถไฟไต้ดินสายหลัก 9 สายทอดยาวมากกว่า 250 กิโลเมตร กับอีกหนึ่งสายที่วางแผนการก่อสร้าง

รถโดยสารประจำทาง[แก้]


บัส 470
ระบบรถโดยสารประจำทางของโซลดำเนินการโดยรัฐบาลนครพิเศษโซล มีรถบัสให้บริการอยู่ 4 ประเภทใหญ่ ๆ โดยบริการทั่วทั้งเมือง โซลมีสถานีรถโดยสารระหว่างเมืองและรถด่วนขนาดใหญ่ โดยจะเชื่อมต่อระหว่างเมืองทั่วทั้งประเทศเกาหลีใต้ สถานีรถด่วนโซล (The Seoul Express Bus Terminal), สถานีกลางเมือง (Central City Terminal)และสถานีโซลนัมบูตั้งอยู่ในเขตซอโช ยิ่งไปกว่านั้น สถานีรถบัสโซลตะวันออกในเขตควังจินและสถานีซังบงในเขตชุงนังก็ดำเนินการอยู่ในฝั่งตะวันออกของเมือง และเพื่อลดภาวะมลพิษทางอากาศภายในเมือง ทางรัฐบาลนครพิเศษก็มีแผนเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางที่ใช้น้ำมันดีเซลกว่า 7, 000 คันไปใช้แก๊สธรรมชาติในปี 2553[17]

รถไฟใต้ดิน[แก้]

โซลมีโครงข่ายสถานีรถไฟใต้ดินที่ครอบคลุมในทุกเขตของเมืองและพื้นที่รอบโซล มีผู้ใช้บริการมากกว่า 8 ล้านคนต่อวัน ดังนั้นโซลจึงเป็นหนึ่งในโลกที่มีผู้คนใช้บริการรถไฟใต้ดินมากที่สุดในแต่ละวัน สถานีรถไฟโซลมี 12 สายซึ่งให้บริการในโซล, อินช็อน, จังหวัดคย็องกี, จังหวัดคังว็อนทางด้านทิศตะวันตกและทางตอนเหนือของจังหวัดชุงนัม ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อที่จะจัดการกับการขนส่งซึ่งมีหลากหลาย รัฐบาลนครพิเศษโซลได้ว่าจ้างนักคณิตศาสตร์เพื่อประสาน รถไฟใต้ดิน, รถโดยสารประจำทางและกำหนดการจราจรให้เป็นตารางเวลาเดียว รถไฟใต้ดินของโซลดำเนินการโดยหลายบริษัทเช่น โคเรลรถไฟใต้ดินโซลองค์การรถไฟฟ้ามหานครโซลคอร์ปอเรชั่นเอเร็กซ์,เมโทร 9

รถไฟ[แก้]

โซลสามารเชื่อต่อเมืองสำคัญต่าง ๆ ทั่วทั้งเกาหลีใต้ได้โดยทางรถไฟ โดยสามารถเชื่อมเมืองหลักของเกาหลีเกือบทุกเมืองด้วยรถไฟความเร็วสูงเคทีเอ๊กซ์ ซึ่งตามปกติจะวิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 300 กม/ชม (186 ไมล์ต่อชั่วโมง) สถานีรถไฟหลักประกอบด้วย

สนามบิน[แก้]

โซลมีสนามบินนานาชาติอยู่ 2 แห่ง ท่าอากาศยานนานาชาติคิมโพ แต่เดิมอยู่คิมโพแต่ถูกผนวกเข้ามาอยู่กับโซลในปี 2506 โดยเป็นเวลาหลายปี(นับตั้งแต่ตอนก่อสร้างในระหว่างสงครามเกาหลี) ที่คิมโพเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวในโซล และสนามบินภายในประเทศแห่งอื่นก็สร้างในช่วงเวลาสงครามเดียวกันด้วยเช่นยอดีโด
เมื่อท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อนได้เปิดดำเนินการเมื่อเดือนมีนาคม 2544 ที่เกาะยองจง เมืองอินช็อน ได้เปลี่ยนบทบาทสำคัญของท่าอากาศยานคิมโพไปอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันอินช็อนรับผิดชอบเกี่ยวกับสายการบินระหว่างประเทศเกือบทั้งหมดและการบินภายในประเทศบางส่วน ในขณะที่กิมโปรับผิดชอบสายการบินภายในประเทศเท่านั้นยกเว้นเที่ยวบินที่เดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว (ฮาเนดะ) ในโตเกียว, ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซท่าอากาศยานนานาชาติหงเฉียวในเซี่ยงไฮ้และท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งในปักกิ่ง ซึ่งสิ่งนี้นำไปสู่การลดความสำคัญของเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติคิมโพ
ในขณะเดียวกันท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อนกับท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงได้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านการขนส่งในเอเชียตะวันออก
อินช็อนและกิมโปเชื่อมต่อมายังโซลโดยทางหลวง และเชื่อมต่อซึ่งกันและกันโดยเอเร็กซ์ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังอินช็อนสาย #1 และกิมโปก็ยังถูกเชื่อมด้วยรถไฟไต้ดิน (สาย 5 และ #9) เอเร๊กซ์เชื่อมต่อโดยตรงระหว่างท่าอากาศยานโดยตรงกับสถานีรถไฟโซลในกลางกรุงโซล ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ รถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กก็ยังขนส่งผู้โดยสารระหว่างคิมโพและโซล

ประชากร[แก้]

โซลเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นประชากรอย่างมาก ซึ่งมีความหนาแน่นเกือบสองเท่าของนครนิวยอร์กและเป็นแปดเท่าของโรม แต่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยกว่าปารีสเล็กน้อย ในเขตปริมณฑลของโซลถือเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นมากที่สุดในพื้นที่ปริมณฑลเมืองขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา(กลุ่มประเทศโออีซีดี)[18] ผู้ที่อยู่อาศัยในโซลเกือบทั้งหมดเป็นชาวเกาหลี มีชาวญี่ปุ่นและชาวจีนอาศัยอยู่เล็กน้อย ในปี 2552 โซลมีประชากรประมาณ 10, 208, 302 คน[19] ในปี 2553 มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในกรุงโซลประมาณ 255, 501 คน ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของกรุงโซล[20]เมื่อสิ้นสุดเดือยมิถุนายน 2554 ชาวเกาหลี 10.29 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงโซล ซึ่งลดลง .24% จากเมื่อสิ้นสุดปี 2553 ในเดือนมิถุนายน 2554 มีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่อยู่ในกรุงโซล 281, 780 คน โดยเป็นชาวจีน 186, 631 คน (66%) ซึ่งถือสัญชาติเกาหลีแล้ว โดยมีอัตราเพิ่มขึ้น 8.84% จากเมื่อสิ้นปี 2553 และเพิ่มขึ้น 12.85% เมื่อนับจากเดือนมิถุนายน 2553 ซึ่งพลเมืองชาวจีนถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้ถือสัญชาติเกาหลีชาวเกาหลี โดย 29, 901 คนอาศัยอยู่ในกรุงโซล กลุ่มชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้ถือสัญชาติเกาหลีกลุ่มต่อมาเป็นชาวอเมริกันมีจำนวน 9, 999 คน และกลุ่มต่อมาเป็นชาวไต้หวันมีจำนวน 8, 717 คน[21]
ศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธเป็นสองศาสนาหลักที่มีผู้คนนับถือในกรุงโซล ส่วนศาสนาอื่นก็ประกอบไปด้วยเชมันและลัทธิขงจื๊อ โดยขงจื้อเป็นที่แพร่หลายในโซลในเรื่องของปรัชญาทางสังคมมากกว่าเป็นเรื่องทางศาสนา

การศึกษา[แก้]

มหาวิทยาลัย[แก้]

มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลีใต้ล้วนตั้งอยู่ในกรุงโซล ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวามหาวิทยาลัยจุงอังมหาวิทยาลัยฮันกุกสำหรับนักศึกษาต่างชาติมหาวิทยาลัยฮันยังมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลีมหาวิทยาลัยเกาหลีมหาวิทยาลัยกุกมินมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลมหาวิทยาลัยครูแห่งชาติโซล,มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติโซลมหาวิทยาลัยซอกังมหาวิทยาลัยซองคยูนกวันมหาวิทยาลัยคยองฮีมหาวิทยาลัยดงกุกและมหาวิทยาลัยยอนเซ

การศึกษาระดับรอง[แก้]

การศึกษาระดับเกรด 1 ถึงเกรด 10 เป็นการศึกษาภาคบังคับ โดยนักเรียนใช้เวลา 6 ปีในโรงเรียนประถมศึกษา และ 3 ปีในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและอีก 3 ปีในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโดยปกติจะมีการให้นักเรียนสวมใส่เครื่องแบบนักเรียน และไม่มีการสอบเพื่อสำเร็จการศึกษา แต่นักเรียนหลายคนที่ต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยจะต้องทำการสอบข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถของนักเรียนเกาหลี (ซูนึง (수능)) ที่จะจัดสอบทุก ๆ เดือนพฤศจิกายน
มีโรงเรียนเฉพาะทางหลายแห่งตั้งอยู่ในกรุงโซล ประกอบไปด้วยโรงเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ 3 แห่ง (โรงเรียนมัธยมวิทยาศาสตร์ฮันซอง, โรงเรียนมัธยมวิทยาศาสตร์เซจงและโรงเรียนมัธมวิทยาศาสตร์โซล) และมีโรงเรียนภาษาต่างประเทศอีก 6 แห่ง (โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศแดวอน, โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศแดอิล, โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศอีฮวา, โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศฮันยอง, โรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศมยองด๊อกและโรงเรียนมัธยมภาษาต่างประเทศโซล) สำนักงานการศึกษาของนครพิเศษโซลประกอบไปด้วย โรงเรียนหรือวิทยาลัยในระดับก่อนมหาวิทยาลัย 235 แห่ง, โรงเรียนวิชาชีพ 80 แห่ง, โรงเรียนระดับมัธยมต้น 377 แห่งและโรงเรียนเฉพาะทาง 33 แห่งจากข้อมูลในปี 2552

อ้างอิง[แก้]

  1. กระโดดขึ้น ชื่อของกรุงโซลไม่ได้มาจากอักษรฮันจาโดยตรง, ซึ่งโซลเป็นชื่อที่มาจากอักษรฮันกึลโดยตรง อย่างไรก็ตามรัฐบาลนครพิเศษ ก็ได้กำหนดชื่อเมืองในภาษาจีน ฮั่นจื้อ โดยใช้อักษรจีนว่า (首爾; Su-i ใน RR Romaja และ Shǒu'ěr พินอิน).
  2. ↑ กระโดดขึ้นไป:2.0 2.1 "Seoul Statistics (Land Area)". Seoul Metropolitan Government. สืบค้นเมื่อ 24 March 2010.
  3. กระโดดขึ้น Korean Statistical Information Service (Korean) > Population and Household > Census Result (2010) > Population by Administrative district, Sex and Age / Alien by Administrative district and Sex, Retrieved 2 June 2010.
  4. กระโดดขึ้น "Current population of the Seoul National Capital Area". Statistics Korea.
  5. กระโดดขึ้น http://english.seoul.go.kr/gtk/about/fact.php?pidx=1
  6. กระโดดขึ้น http://www.rustourismnews.com/?p=16016
  7. กระโดดขึ้น http://travelweekly.asia/news/tourism/1931-seoul-voted-asians-top-travel-destination-again
  8. กระโดดขึ้น "Seoul". Encyclopædia Britannica. 2009. สืบค้นเมื่อ 6 September 2009. "ชื่อเมืองนิยมเรียกว่าโซลในเกาหลีระหว่างสมัยโชซ็อน (ราชวงศ์ลี; 1935–2453) และช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองเกาหลี (2453–2488), ถึงแม้ว่าชื่อเมืองอย่างเป็นทางการในสมัยเหล่านี้จะเป็น ฮันซ็องและคย็องซ็อง ตามลำดับ.."
  9. กระโดดขึ้น "yahoo". Uk.holidaysguide.yahoo.com.
  10. กระโดดขึ้น "서울표기 ''首爾''로…중국, 곧 정식 사용키로 :: 네이버 뉴스" (ใน (เกาหลี)). News.naver.com. 2005-10-23. สืบค้นเมื่อ 2012-02-10.
  11. กระโดดขึ้น "'Seoul' morphs into Chinese 'Shouer'". Chinadaily.com.cn. 2005-01-20. สืบค้นเมื่อ 2012-02-10.
  12. กระโดดขึ้น "goodcharacters.com". goodcharacters.com.
  13. กระโดดขึ้น "Summer Institute Summaries". Orias.berkeley.edu. สืบค้นเมื่อ 2012-02-10.
  14. กระโดดขึ้น Climate data in seoul, 1981 ~ 2010(เกาหลี), Korea Meteorological Administration.
  15. ↑ กระโดดขึ้นไป:15.0 15.1 "Administrative Districts". Seoul Metropolitan Government. Archived from the original on 20 February 2008.
  16. กระโดดขึ้น "Welcome to KTC". Lmg.go.kr.
  17. กระโดดขึ้น "Seoul More Enjoyable For a Day". Retrieved 30 July 2008.
  18. กระโดดขึ้น [1] Seoul ranks highest in population density among OECD countries-Source-OECD report
  19. กระโดดขึ้น "Seoul Statistics (Population)". Seoul Metropolitan Government. สืบค้นเมื่อ 24 March 2010.
  20. กระโดดขึ้น Park, Chung-a. "Foreign population in Seoul continue to dwindle". Korea Times.
  21. กระโดดขึ้น "Korean Chinese account for nearly 70% of foreigners in Seoul." The Korea Times. September 11, 2011. Retrieved on September 19, 2011.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น